วิสาหกิจยางพาราโนนบก การปรับตัวในยุคราคาตกต่ำ สู่การยกระดับแปลงใหญ่ฯ ความหวังในการแข่งขันระดับสากล

นายเอนก รัตน์รองใต้ เกษตรจังหวัดอุดรธานี ได้มอบหมายให้นายบำรุง เพิ่มชีวา หัวหน้ากลุ่มยุทธศาสตร์และสารสนเทศ สำนักงานเกษตรจังหวัดอุดรธานีได้ลงพื้นที่เยี่ยมเยือนกลุ่มวิสาหกิจยางพาราโนนบก อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี โดยมีนายธวัช เพ็ชรไพโรจน์ เกษตรอำเภอน้ำโสม และนางบุษบา คำคุต ประธานกลุ่มให้การต้อนรับ

ยางพารานั้นราคาตกต่ำมาหลายปี เกษตรกรหลายรายไม่สามารถอยู่ได้ในสถานการณ์ที่ราคาตกต่ำ แต่ต้นทุนต่าง ๆ กลับสวนทาง แต่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากนั้นในจังหวัดอุดรธานีได้มีเกษตรกรหัวไวใจสู้ ชวนชาวสวนยางฯ ในชุมชนลุกขึ้นมาต่อสู้ รวมกลุ่มช่วยเหลือซึ่งกันและกัน นั่นก็คือวิสาหกิจชุมชนยางพาราบ้านโนนบก หรือสหกรณ์กองทุนสวนยางพาราโนนบก หรือที่รู้จักกันทั่วไปในกลุ่มคนรักสุขภาพในแบรนด์เครื่องนอน บุษบารับเบอร์ (Bussaba Rubber)

ทั้งวิสาหกิจชุมชนและสหกรณ์ที่ได้กล่าวไปนั้นมีที่มาจากการเกษตรกรในชุมชนบ้านโนนบกและพื้นที่ใกล้เคียง โดย การชักชวนของคุณบุษบา คำคุต เกษตรกรจากอำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี

ซึ่งคุณบุษบากล่าวว่า เดิมทีนั้นตนได้ปลูกยางพาราในพื้นที่ 15 ไร่ ในปี พ.ศ. 2534 ต่อมาจึงได้มีการรวมกลุ่มอย่างไม่เป็นทางการในปี พ.ศ. 2553 และกรมส่งเสริมการเกษตร โดยสำนักงานเกษตรอำเภอจึงได้มาส่งเสริมให้มีการจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชนในปี พ.ศ. 2554 มีสมาชิกจำนวน 124 ราย ในปี พ.ศ. 2556 ทางกลุ่มได้ยื่นกู้เงินกับธนาคารเพื่อการเกษตรจำนวน 3 ล้าน บาท เพื่อก่อสร้างอาคารดำนินงานบนพื้นที่ 3 ไร่ จากคุณประเสริฐ คำคุต ซึ่งเป็นบิดดาของคุณบุษบาที่ได้ให้ความอนุเคราะห์ให้ยืมใช้พื้นที่เพื่อดำเนินงานโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

และปัจจุบันได้เข้าร่วมโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาดของกรมส่งเสริมการเกษตร มีสมาชิก 110 ราย

และได้จัดตั้งเป็นสหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านโนนบกในปี พ.ศ. 2558 ในขณะนั้นได้เกิดวิกฤติราคายางพาราตกต่ำ ทางกลุ่มจึงได้เริ่มมีการทดลองแปรรูปผลิตภัณณ์จากยางพาราเป็นครั้งแรก ซึ่งได้มีนักวิชาการจากสถานศึกษาเข้ามาให้การสนับสนุนความรู้ในการแปรรูปผลิตภัณฑ์ด้วย

ปัจจุบันทางกลุ่มมีรายได้หลัก 2 ช่องทาง คือ
1. แปรรูปเครื่องนอนจากยางพารา เช่น หมอนยางพาราอบสมุนไพร หมอนรองคอ (ใช้บนรถ) หมอนพิง และหมอนขิตยัดใส้ยางพาราอบ

2. รับจ้างผลิต จะมีพ่อค้า ส่งถุงมือมาเคลือบยางพารา ตามออร์เดอร์ โดยเฉลี่ยทางกลุ่มมีกำลังผลิตเพียงสัปดาห์ละ 700 โหลเท่านั้น (8,400 คู่) และมีออเดอร์จากลูกค้า 1000 โหล/สัปดาห์ แต่ไม่สามารถรับผลิตได้เนื่องจากกำลังผลิตไม่เพียงพอ ซึ้งหลังจากได้รับงบประมาณสนับสนุนจากโครงการโครงการยกระดับแปลงใหญ่ด้วยเกษตรสมัยใหม่และเชื่อมโยงตลาด รายได้ของกลุ่มจะเพิ่มขึ้น เพราะจะทำให้มีเครื่องมือที่ทันสมัย สามารถผลิตได้มากกว่าเดินหลายเท่า

ก่อนหน้านี้ในช่วงที่ยังไม่เกิดการระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ยอดขายหน้าร้านจะอยู่ที่ 10,000 – 20,000 บาท/เดือน ซึ่งคิดเป็น 20 % และอีก 80% จะเป็นยอดขายจากการออกบูทในงานต่าง ๆ

แผนในอนาคต หลังจากได้งบประมาณสนับสนุนจากโครงการยกระดับแปลงใหญ่ฯ ทางกลุ่มมีแผนจัดไลน์การผลิตให้เป็นระบบเพื่อรองรับยอดสั่งซื้อที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น และกำลังดำเนินการขอรับการรับรองมาตรฐาน มอก. ซึ่งจะสามารถส่งจำหน่ายต่างประเทศและสามารถแข่งขันกับแบรนด์อื่น ๆ ในระดับสากลได้